วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

       ^^มาดูาหารต้านมะเร็งกันเถอะ^^

     10  สุดยอดอาหาร ที่ควรทานทุกวัน^^

อาหารเพื่อสุขภาพ

       ไม่ว่าใคร ๆ ก็ล้วนแล้วอยากจะมีสุขภาพที่ดีไม่ต่างกัน ดังนั้น   การดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ และที่สำคัญ มันให้ผลลัพธ์ที่ดีซะด้วยสิ  โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดีจากภายใน ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ทุกวันเลยล่ะ 
          อ๊ะ ๆ แต่รู้มั้ยคะว่า นอกจากการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่แล้ว หากคุณได้รับประทาน "สุดยอดอาหาร" ในทุก ๆ วันแล้ว ยิ่งทำให้คุณมีสุขภาพดีมากขึ้นไปอีก เอ? ว่าแต่สุดยอดอาหารที่ว่านี้ คืออะไร อิอิ.. ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

เบอร์รี่


 1. เบอร์รี่ 

          แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วยแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และที่สำคัญ ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในเรื่องผิวพรรณและหวัดอีกด้วย
ไข่ไก่

 2. ไข่ไก่ 

          ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมาก ๆ แถมยังราคาถูกอีกแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมว่า ไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้คุณได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา อ้อ แถมยังมีลูทีนที่จะป้องกันผิวคุณจากการทำลายของแสงแดดอีกด้วย


ถั่ว

  3. ถั่ว 

          ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย


มะม่วงหิมพานต์

  4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์ 

          เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย
ส้ม


 5. ส้ม 

          เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดียว
มันเทศ

 6. มันเทศ 

          อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก มันเทศเป็นแหล่งเบตาแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีกด้วยค่ะ
บร็อกโคลี

  7. บร็อคโคลี่ 

          เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ (Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย
ชา

  8. ชา 

          แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่า การดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เพราะในชานั้นมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ


คะน้า

  9. คะน้า 

          มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด รวมถึงมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมเสริมสร้างการทำงานของกระดูก


โยเกิร์ต

  10. โยเกิร์ต 

          อาหารสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะซื้อไว้ติดบ้าน เอาไว้ทานยามหิว และนั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ เพราะในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 และโปรตีน ดังนั้น ถ้าคุณทานโยเกิร์ตให้ได้วันละ 1 ถ้วย จะทำให้สุขภาพคุณดีอย่าบอกใครเลยล่ะ

        ที่มา : http://article.zubzip.com/?7133



         เคล็ดลับ สุขภาพดี ด้วย 18 วิธี ง่ายๆ




                สุขภาพดีอาจจะหาซื้อไม่ได้แต่เป็นเจ้าของได้แน่นอน 
    ถ้าสาวๆ ทำตามเคล็ดลับเหล่านี้


   1. แอปเปิ้ล แตงโม กล้วย กีวีต้องระวังผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้มีประโยชน์มาก แต่ถ้าคุณกำลังทานยาปฏิชีวนะอยู่ ผลไม้พวกนี้จะกลายเป็นโทษทันทีเพราะมันบูดในลำไส้ได้ง่าย อาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหารได้


   2. ผลไม้กับมื้ออาหารก่อนทานอาหารควรจะเรยีกน้ำย่อยด้วยสับปะรดและมะละกอสัก 2-3 ชิ้น ผลไม้สองชนิดนี้มีเอนไซม์ที่จะช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารมื้อหลักที่กำลังจะตามลงมาได้ง่ายขึ้น และหลังจากจบมื้ออร่อยแล้วควรตบท้ายด้วยแอปเปิ้ลสัก 1 ชิ้นเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลายซึ่งจะทำให้จำนวนแบคทีเรียในช่องปากลดลง และช่วยให้เหงือกแข็งแรงด้วย


   3. อย่าปล่อยให้หิว
ควรจะทานอาหารให้ตรงเวลาทุกวันแม้จะยังไม่รู้สึกหิวก็ตาม เพราะเวลาที่เราหิวร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนควมเครียดออกมา ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำก็จะทำให้คุณกลายเป็นสาวเครียด และนำไปสู่อาการความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือเบาหวาน



   4. เนื้อสัตว์กับผลไม้ไม่เข้ากัน
ถ้าทานน้อยๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามื้อไหนคุณทานเนื้อเป็นจำนวนมากแล้วควรจะงดผลไม้ไป เพราะกว่าเนื้อจะย่อยหมดต้องใช้เวลานาน ส่าวนผลไม้ซึ่งย่อยเร็วจะถูกกักอยู่ในกระเพาะ จึงทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้


   5. นาฬิกาชีวภาพหลักการสุขภาพดีบอกไว้ว่าเราควรจะเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน แต่ส่วนใหญ่พอถึงคืนวันศุกร์กับวันเสาร์เรามักจะนอนดึกเพราะถือว่าเป็นวันหยุด การทำอย่างนี้จะทำให้ความเคยชินหรือที่เรียกว่าชีวภาพของร่างกายรวรเร จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่วันจันทร์เราจะง่วงนอนกว่าปกติ


   6. ความเครียดทำลายผิว
ถ้าอยากผิวสวย แก่ช้า ดูอ่อนกว่าวัย สิ่งแรกที่ต้องปรับคือความคิดของตัวเราเอง พยายามคิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี หลีกเลี่ยงความคิดที่ทำให้ตึงเครียด เพื่อไม่ให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกทำลายตัวเราเอง


   7. หลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติก
เพราะความร้อนรวมทั้งรสชาติเผ็ดเปรี้ยว เค็มจากอาหารสามารถเข้าไปกัดเซาะสารสังเคราะห์ในพลาสติกให้ละลายออกปะปนกับอาหารได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการใช้ภาชนะพลาสติกใส่อาหารเข้าอุ่นในเตาไมโครเวฟยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะเป็นการเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเป็นอย่างมาก


   8. อย่าประมาทอาการไอเรื้อรังหลังจากหายหวัดแล้วอาการไออาจจะยังไม่หายไป แต่สาวหลายคนมักจะไม่สนใจเพราะคิดว่าอาการไอเป็นเรื่องชิลๆ แต่ที่จริงอาการไอเรื้อรังร้ายแรงกว่าที่คุณคิด เพราะมันอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะ ที่หมอให้มารักษาอาการหวัดไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ วิธีหยุดอาการไอที่ได้ผลที่สุดคือการดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อลดเสมหะในทางเดินหายใจ และนอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้เต็มที่


   9. เท้าและข้อเท้าบวม
ถ้ามีอาการแบบนี้อย่าปล่อยไว้ เพราะฝ่าเท้าเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย ถ้าบริเวณเท้ามีปัญหาก็จะส่งผลถึงร่างกายทุกส่วน วิธีแก้ไขคือให้นั่งยองๆ ทุกวันๆ ละ 15 นาทีจากนั้นก็ขยับข้อเท้าไปข้างหน้าและข้างหลังเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น หลังจากนั้นใช้แปรงขนนุ่มๆ แปรงผิวหนังเบาๆ โดยเริ่มจากฝ่าเท้าแล้วค่อยๆ ปัดไล่ขึ้นมาที่ข้อเท้า น่อง ต้นขา ท้อง แขนไปจนสุดที่มือทั้งสองข้าง (ยกเว้นผู้ที่เป็นเบาหวานเพราะเสี่ยงจะเกิดบาดแผล) ตบท้ายด้วยการอาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น


   10. งดเครื่องดื่มคาเฟอีน
เครื่องดื่มพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ ปกติก็ไม่ควรดื่มอยู่แล้ว แต่ถ้าบังเอิญคุณเป็นโรคปวดหลัง เครื่องดื่มพวกนี้จะเป็นศัตรูของคุณไปทันที เพราะคาเฟอีนจะไปลดการหลั่งสารเอนโดรฟินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ อาการปวดของคุณก็จะไม่หายหรืออาจจะเป็นมากขึ้นด้วย


   11. ดื่มน้ำเร็ว...อันตราย
ใครๆ ก็บอกว่าควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว แต่ต้องค่อยๆ ดื่มไปตลอดวัน ไม่ใช่ทั้งวันไม่ดื่มเลย แล้วมารวบยอดเอาในครั้งเดียว เพราะการดื่มน้ำปริมาณมากๆ ในครั้งเดียวอาจทำให้เกิดอาการน้ำเป็นพิษเนื่องจากเลือดเจือจาง และอาจทำให้เป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็งตามมา ยิ่งถ้าอาการเกร็งไปเกิดที่สมอง หัวใจ หรือปอด ก็อาจจะทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้


   12. แดดอ่อนตอนเช้า
แสงแดดยามเช้าจัดว่าเป็นยาตามธรรมชาติที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ นอกจากทำให้กระดูกแข็งแรงแล้วยังทำให้อารมณ์ดี เพราะแดดอ่อนๆ มีวิตามินที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข ออกมาต่อต้านอาการซึมเศร้าในตัวเรา คนที่เดินเล่นรับแดดอ่อนจึงมีหน้าตาเบิกบานกว่าคนที่มัวแต่หลบแดดอยู่ในบ้านมาก


   13. เบาหวานอย่าทานไข่
ถ้าสมาชิกในครอบครัวคุณคนไหนเป็นเบาหวาน ควรให้เขางดไข่ไปเลย เพราะมีรายงานทางการแพทย์ว่าถ้าคนที่เป็นเบาหวานทานไข่อาทิตย์ละ 1 ฟอง จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากขึ้น


   14. อยากผอมต้องน้ำเย็นการดื่มน้ำเย็น 50 ออนซ์ จะช่วยเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 50 แคลอรี ช่วยให้น้ำหนักลดลงปีละ 2.5 กิโลกรัม เพราะเมื่อเราดื่มน้ำเย็นร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำนั้นเปลี่ยนอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิปกติก่อน แล้วจึงนำไปใช้ได้ จึงเป็นการใช้พลังงานมากกว่าเดิม


   15. สุขภาพดีทันทีที่ตื่น
ถ้าอยากดูแลสุขภาพพร้อมกับการเริ่มต้นวันใหม่ ทันทีที่ตื่นนอนสาวๆ ควรผสมน้ำส้มสายชู (ที่หมักจากผลแอปเปิ้ล) กับน้ำผึ้งในสัดส่วนเท่ากัน ใส่น้ำอุ่นนิดหน่อย คนให้เข้ากันแล้วนำมาดื่ม จะช่วยให้การดูดซึมของระบบลำไส้และการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดีตลอดวัน


   16. ผู้ชายอย่าพลาดมะเขือเทศ
สำหรับหนุ่มซ่าที่กำลังเริ่มมีอาการเตะปี๊ปไม่ดังหรือกลัวว่าจะเป็นหมัน มะเขือเทศคือผลไม้ที่คุณจะพลาดไม่ได้ เพราะมะเขือเทศสุกมีสารโคปีนสูงมาก ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้ดี ประสิทธิ์ภาพและสมรรถภาพต่างๆ จึงทำงานได้เป็นปกติ ถ้าผู้ชายทานมะเขือเทศอย่างน้อยอาทิตย์ละ 10 ผลหรือมากกว่านั้น ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็จะน้อยลง 45 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญควรจะทานแบบสุกๆ เช่น ทานเป็นน้ำพริกอ่อง สปาเก็ตตี้ เพราะเวลามะเขือเทศถูกความร้อนมันจะปล่อยสารไลโคปีนออกมามากขึ้น


   17. ป้องกันกรดในกระเพาะอาหาร
สำหรับที่ท้องอืดบ่อย ควรลดปริมาณการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้นอย่างเช่น มะนาว ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุต หรือน้ำมะเขือเทศสดนั่น เพราะน้ำพวกนี้มีกรดมากทำให้ท้องอืด หรือถ้าเสพติดไปแล้วอดไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะทำให้เจือจางลงด้วยการผสมน้ำมากๆ


   18. หลบอัลไซเมอร์ด้วยเกม
ถ้าไม่อยากเป็นอัลไซเมอร์หรือเป็นโรคขี้หลงขี้ลืม สาวๆ ควรจะฝึกสมองด้วยการเล่นเกมที่ต้องใช้สมาธิ เช่น ปริศนาอักษรไขว้ เกมในคอมพิวเตอร์ หรืออาจจะทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิอย่างเรียนดนตรี เล่นหมากรุก เป็นต้น เพราะเกมเหล่านี้จะช่วยให้ระบบประสาททำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ

         ที่มา : http://consult.eduzones.com/entertain/11089

      30 วิธีสลายความเครียด ภายใน 1 เดือน


คลายเครียด


          ด้วยภาวะโลกอันแสนจะวุ่นวายทุกวันนี้จากปัญหาต่าง ๆ ย่อมทำให้คนเราเครียดกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ครอบครัว หรือสุขภาพ (หรือตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่อง น้ำท่วม) และสิ่งเหล่านี้ย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจใช่มั้ยคะ? วันนี้เรามีเคล็ดลับง่าย ๆ ที่จะช่วยให้เพื่อน ๆ รู้สึกผ่อนคลายจากความเครียดได้มาบอกค่ะ


           1. ดื่มชาเขียวเป็นประจำ จิบชาเขียวเป็นประจำทุกวันช่วยคุณให้รู้สึกผ่อนคลาย สงบนิ่ง แม้จะอยู่ในสิ่งรายล้อมอันแสนจะวุ่นวาย แถมยังทำให้สุขภาพดีด้วยนะ


           2. ตามใจตัวเองบ้างอะไรบ้าง การได้ให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ กับตัวเองก็เป็นความสุขทางใจอีกทางนึงนะ และยังช่วยลดความเครียดได้อีกด้วย เช่น สาว ๆ หลายคน มักจะผ่อนคลายความเครียดด้วยการช้อปปิ้ง หรือหาของหวานอร่อย ๆ ทาน 
(ซึ่งก็มักจะได้ผลดีด้วยนะ)


           3. หาหน้าจอสกรีนเซฟเวอร์ที่สบายตา หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เราต้องจ้องมองมันทั้งวัน อาจทำให้คุณปวดตาได้ 
ดังนั้นควรจะหาสกรีนเซฟเวอร์ที่ดูแล้วคลายความเครียด เช่น ภาพท้องทะเลที่สวยงามยามเย็น ท้องฟ้าครามในวันที่อากาศดี ป่าเขียวอันแสนร่มรื่นย์ เป็นต้น


           4. เก็บข้อมูลทางสุขภาพไว้ในที่ปลอดภัย สถานสุขภาพบางแห่งมีการจัดเก็บข้อมูลสุขภาพของครอบครัวออนไลน์ หรือแม้แต่ในมือถือของคุณเอง ซึ่งทันสมัยและรวมอยู่ในที่เดียวเพื่อความสะดวกในการเข้าไปเช็คประวัติการรักษา การแจ้งเตือนนัดหมายกับแพทย์ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่เคยถามคุณหมอไป


           5. หันมาบริโภคโฮลเกรน โฮลเกรน หรือ "ธัญพืช" นั้นมีประโยชน์มากกว่าแป้งขาว แถมดีต่อสุขภาพ โดยธัญพืชจะค่อย ๆ ถูกดูดซึมอย่างช้า ๆ และถูกปล่อยเป็นพลังงานออกมา ทั้งนี้เมื่อร่างกายย่อยอย่างช้า ๆ แล้ว จึงทำให้รู้สึกอิ่มนานและช่วยคุมน้ำหนักได้อีกด้วย ช่างมีประโยชน์เหลือหลายจริง ๆ




เดินเท้าเปล่า


           6. เดินเท้าเปล่าบ้าง รู้หรือไม่ว่าการเดินเท้าเปล่าบนพื้นพรม สนามหญ้าหรือพื้นทรายบ้างเป็นการนวดเท้าแบบเบา ๆ วิธีหนึ่งนะ ลองเดินเท้าเปล่าสัก 10 นาที แล้วผ่อนคลาย ปล่อยใจให้สงบ ช่วยให้คลายเครียดได้นะ ถ้างั้นถอดถุงเท้า โยนรองเท้าทิ้งไป 
แล้วออกเดินโลด!


           7. บันทึกความกังวลในแต่ละวัน ลองพกกระดาษกับปากกาติดตัวไว้ แล้วลองสังเกตุและจดดูว่าวัน ๆนึง เรามีเรื่องกังวลกับสิ่งต่าง ๆ เยอะมั้ยในแต่ละวัน แล้วหันมาทบทวนว่าคุณเสียเวลาไปกับเรื่องเหล่านี้มากเกินไปรึเปล่า


           8. หายใจลึก ๆ เมื่อเห็น "จุด" งงใช่ไหมคะ? เจ้าจุดกลม ๆ ช่วยลดความเครียดได้อย่างไร? หากคุณใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อวันลองกำหนดลมหายใจ โดยค่อย ๆ หายใจเข้าและหายใจลึก ๆ (เหมือนกับกำหนดลมหายใจนั่งสมาธิ) เพียงแค่นี้ก็ช่วยลดความเครียดได้ ซึ่งบางทีเรามักลืมทำ แต่คุณสามารถใช้ตัวช่วยได้ด้วยการติดสติ๊กเกอร์ลายจุดกลม ๆ ไว้ตามที่ต่าง ๆ เพื่อช่วยเตือนได้


ออกกำลังกาย


           9. ออกกำลังกาย วิธีขจัดความเครียดโดยไม่ต้องลงทุน แค่ลงแรง เนื่องจากเวลาเราออกแรงให้เหงื่อออก ร่างกายก็จะขับของเสียออกมาและยังช่วยเคลียร์หัวสมองให้โล่งด้วยนะ


           10. กินขนมขบเขี้ยว "เครียดน้อย 1 เม็ด เครียดมาก 2 เม็ด" หลายคนคงจำประโยคนี้จากโฆษณาถั่วชนิดหนึ่งได้ ใช่แล้ว! การกินขนมขบเขี้ยวช่วยลดความเครียดได้ เช่น ถั่ว เมล็ดพืชและช็อคโกแลตชิป กินสักหนึ่งกำมือคุณก็พอ เพราะหากกินมากไป ก็จะเครียดเพราะความอ้วนถามหาได้


           11. พูดอย่างนุ่มนวล เชื่อมั้ยว่าถ้าเราลองหัดพูดให้นุ่มนวล ละมุนละไม ส่งผลให้ความดันเลือด อัตราการเต้นของหัวใจและความเครียดลดลงได้


           12. ระบายความรู้สึกผ่านตัวหนังสือ เมื่อรู้สึกเครียดก็ระบายมันออกมาเลย ไม่ต้องลงไม้ลงมือ แค่เขียนใส่กระดาษไป มันอาจจะไม่ได้ช่วยให้โกรธทันที แต่ทำให้ความเครียดลดลงได้นะ


           13. ร้องเพลงขณะอาบน้ำ น่าจะเป็นสิ่งที่หลายคนทำมากที่สุดแล้ว เพราะรู้สึกว่ามันทำให้เราผ่อนคลายได้มากขึ้น แถมได้อาบน้ำเย็น ๆ ไปด้วย ชิลสุด ๆ


เทียนหอม


           14. สัมผัสกลิ่นลาเวนเดอร์ เพียงจุดเทียนหอมกลิ่นลาเวนเดอร์อ่อน ๆ ในห้องนอนของคุณ จะช่วยทำให้รู้สึกล่องลอยราวกับอยู่ในสวนดอกลาเวนเดอร์แห่งความหอม ลืมชีวิตที่แสนวุ่นวายไปเสียสนิท

           15. ดูหนัง วิธีบำบัดความเครียดอีกวิธีหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักทำคือ การดูหนัง ไม่ว่าจะดูที่บ้านหรือโรงหนัง เพราะมันช่วยให้เราหลีกหนีความจริงและเรื่องเครียดไปได้ชั่วขณะ


           16. เข้านอนเร็ว หลายคนคงรู้สึกหงุดหงิดในยามเช้าเวลานาฬิกาปลุก แล้วต้องตื่นขึ้นมากดหลายครั้งๆ นั้นเพราะคุณนอนดึก จึงไม่อยากตื่นในตอนเช้า เพียงแค่คุณปรับเวลาให้นอนเร็วขึ้น เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนให้เพียงพอ ร่างกายก็พร้อมรับวันใหม่อย่างสดชื่นแล้ว


           17. บอกเล่าเรื่องดี ๆ ให้คนอื่นฟัง พูดคุยกับเพื่อนหรือเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับคนรู้จัก โดยเล่าในเชิงบวกและกล่าวชื่นชมยินดีพวกเขา สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีต่อกันและช่วยลดความตึงเครียดลงได้




ความรัก


           18. กุมมือ เคยรู้สึกไหมว่าตอนคุณไม่สบายใจ แล้วมีคนคอยจับมือและอยู่เคียงข้าง ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ทั้งที่ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาจากเรื่องที่เครียด นั้นเป็นเพราะการสัมผัสส่งผลบางอย่างที่ทำให้รู้สึกอุ่นใจขึ้น


           19. ประดิษฐ์งานฝีมือ เชื่อไหมว่าการทำกิจกรรมอย่าง การถักไหมพรมหรือทำหนังสือ โดยใช้เวลาแค่ 20 นาที ช่วยให้คุณมีสมาธิมากขึ้นและให้ความสนใจไปกับสิ่งที่ทำให้คุณเพลิดเพลิน ลืมความตึงเครียดไปได้ชั่วขณะ




ทำงานบ้าน


           20. ขยันให้เหมือนผึ้ง หาอะไรทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ภายในบ้านทำ เช่น กวาดบ้านถูบ้าน ทำความสะอาดลิ้นชัก จะได้ไม่อยู่ว่างเฉย ๆ และดูมีคุณค่า ซึ่งสิ่งที่เลือกทำควรจะเป็นงานเบา ๆ ใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที เพราะเดี๋ยวจะเหนื่อยจนเกินไปแล้วเครียดอีก


           21. เปิดรูปภาพคนที่คุณรัก สังเกตไหมคะ ว่าบนโต๊ะทำงานของคนส่วนใหญ่ของคนทำงาน มักมีภาพของครอบครัวหรือคนที่รักอยู่เสมอ นั้นเพราะว่าเวลาได้มองรูปภาพคนที่คุณรัก จะทำให้มีกำลังใจที่ดีขึ้น


           22. จิบโกโก้ร้อน คงเป็นเครื่องดื่มที่ใครหลายคนชอบ (โดยเฉพาะสาว ๆ) เพราะนอกจากมีรสชาติ หวาน มัน ที่อร่อยแล้ว กลิ่นหอม ๆ ของโกโก้ช่วยให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย


           23. หาเวลาไปนวด นั่นแน่! ไม่ใช่นวดแบบนั้นนะจ๊ะ หนุ่ม ๆ ทั้งหลาย การนวดนี้เป็นการนวดเพื่อให้ร่างกายรู้สึกสบายขึ้น จากการทำงานหรือออกกำลังกาย โดยใช้เวลาสัก 5 นาทีทุกวัน จะนวดเองหรือหาคนช่วยก็ได้นะ ไม่ว่ากัน แต่เลือกให้ถูกคนล่ะ




อาบน้ำ


           24. มีความสุขกับชั่วโมงการอาบน้ำ ช่วงเวลาในการอาบน้ำ นับเป็นการพักผ่อนชนิดหนึ่ง แต่หลายคนมักจะรีบ ๆ อาบให้เสร็จเร็ว ๆ โดยหารู้ไม่ว่าพลาดช่วงเวลาในการพักผ่อนอีกวิธีหนึ่งไปเสียแล้ว อาจจะสัก 2 - 3 ครั้งต่ออาทิตย์ ใช้เวลาอาบน้ำสัก 20 นาที เพื่อให้ร่างกายได้พักบ้าง


           25. ขัดตัว สมัยนี้การขัดตัวกำลังเป็นที่นิยมมาก เพราะนอกจากจะเป็นการขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ยังทำให้รู้สึกสบายเนื้อสบายตัวขึ้น


           26. การหัวเราะเป็นยาวิเศษ "หัวเราะวันละนิด จิตแจ่มใส" คำกล่าวนี้คงไม่เกินจริงไปนัก เพราะทุกครั้งที่เราหัวเราะ ร่างกายก็จะหลั่งสารแห่งความสุขออกมาและยังเป็นวิธการชะลอความแก่อีกทางนึงด้วยนะ


           27. ลิสต์เรื่องที่ทำให้มีความสุข หากคุณต้องติดอยู่ในสภาวะรถติดหรืออะไรก็ตามที่ทำให้คุณเครียด อย่าใส่ใจกับมัน แล้วหันมานึกถึงเรื่องราวที่ทำให้คุณมีความสุขสัก 5 อย่างแล้วลิสต์ออกมา นั่นจะทำให้คุณมองวันทั้งวันที่เหลือของคุณในแง่ดีมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่จดไว้ก็จะคอยเตือนว่าคุณมีเรื่องดีดีอะไรเกิดขึ้นบ้างในแต่ละวัน


           28. อ่านกวีโปรดของคุณ ลองอ่านบทกวีเล่มโปรดแล้วอ่านออกเสียงออกมาดัง ๆ แล้วทอดอารมณ์ จินตนาการตามบทกวีอันแสนหวานนั้นไปกับมัน เพราะการอ่านบทกวีจะช่วยให้คุณค่อย ๆ หายใจเป็นจังหวะ อย่างช้าๆ ในขณะที่อ่านและปล่อยอารมณ์เพลิดเพลินไปกับมัน




ทำอาหาร


           29. เข้าครัวเฉือนความเครียด หลายคนที่ชอบเข้าครัวคงทราบดีว่าการทำอาหารนั้นสร้างความสุขอย่างหนึ่งให้กับชีวิต เรามักเพลิดเพลินเวลาค่อย ๆ หั่นผักสดเป็นจังหวะ เหมือนเล่นดนตรี ทำให้เราลืมเรื่องวุ่นวายภายนอกไปได้ชั่วขณะ แถมยังทำให้เรามีอาหารแสนอร่อย เป็นรางวัลตบท้ายอีกด้วย


           30. ยืดแข้งยืดขา คนเรานั่งทำงานนานๆ ก็ทำให้เมื่อยได้ ถึงจะนั่งโต๊ะทำงานสบาย ๆ ก็เถอะ ลองยืดแข้งยืดขาเพื่อคลายกล้ามเนื้อซะบ้าง บิดตัวไปมา หมุนศีรษะเบา ๆ ขยับแขนขาเล็กน้อย แค่นี้ก็ช่วยได้แล้ว


          จากวิธีข้างต้น คงมีส่วนช่วยให้ทุกคนคลายความเครียดลงได้บ้างนะคะ ขั้นตอนง่าย ๆ ที่ใคร ๆ ก็ทำได้ สามารถทำได้เป็นกิจวัตร ฉะนั้นจะเครียดไปไย ชีวิตยังมีเรื่องให้ค้นหาความสุขอีกมาก ถ้าเพื่อน ๆ ลองทำแล้วได้ผลดีอย่างไรก็อย่าลืมบอกต่อเรื่องราวดี ๆ แบบนี้ด้วยนะคะ โลกเราจะได้มีคนเครียดน้อยลง


     ที่มา : http://health.kapook.com/view33466.html





จำนวนผู้เข้าชม