วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2555

1 กีฬา เพื่อ สุขภาพ (ฟุตซอล)

                                  ประวัติและกติกากีฬาฟุตซอล





           ประวัติความเป็นมา 
      เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ประเทศในทวีปต่างๆทั่วโลก จะประสบกับปัญหาหิมะตกและสภาพอากาศที่แย่มากทำให้ไม่สามารถจัดการแข่งขันกีฬา กลางแจ้งต่าง ๆ ได้ รวมทั้งกีฬาฟุตบอล จึงถือเป็นช่วงสิ้นสุดฤดูกาลแข่งขัน แต่เนื่องจากฤดูหนาวมีระยะเวลาที่ยาวนานและสภาพอากาศกลางแจ้งไม่เอื้อ อำนวยต่อการเล่นกีฬาฟุตบอล จึงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนหันมาเล่นกีฬาในร่มแทน และนี่คือที่มาของฟุตบอลในร่มหรือที่เรียกว่า “ฟุตซอล” (FUTSAL)

     FUTSAL มาจากภาษาสเปน หรือโปรตุเกส ที่เรียกฟุตบอลว่า “FUTbol” หรือ “FUTTebol”

ตามด้วยภาษาฝรั่งเศสและสเปน คือ “SALa” หรือ “SALon” ที่แปลว่า อินดอร์ หรือในร่ม เมื่อรวมกันจึงเป็นคำว่า “FUTSAL” หมายถึง การเตะบอลในสนามขนาดเล็กในร่ม กลายเป็นคำที่เรียกขานกันแทนคำว่า “FIVE – A – Side” หรือฟุตบอล 5 คนในปัจจุบัน

     ฟุตซอลมีการแข่งขันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1930 ณ กรุงมอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย เป็นเกมที่ชาวอเมริกาใต้นิยมเล่นกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน ประเทศบราซิล ซึ่งเป็นชาติที่มีทักษะความสามารถเฉพาะตัวในการเล่นฟุตบอลสูงสุดในโลก ด้วยลีลาอันเร้าใจจากนักเตะชื่อก้องโลกอย่างเปเล่,โซคราเตส หรือซิโก้ ซึ่งต่างเคยเข้าแข่งขันฟุตซอลมาแล้วทั้งสิ้น

    ประเทศไทยได้มีการจัดการแข่งขันฟุตบอล 5 คนขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2540 ค้วยความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่ายที่ช่วยผลักดันให้กีฬาชนิดนี้ ให้ได้รับความนิยมไม่ว่าจะเป็นสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร การกีฬาแห่งประเทศไทยและเดอะมอลล์กรุ๊ปจนในปัจจุบันฟุตบอล 5 คนหรือฟุตซอล (FUTSAL) เป็นกีฬาที่กำลังได้รับความนิยมและน่าสนใจจากทุกเพศทุกวัยเนื่องจากเป็นเกมกีฬาที่ตื่นเต้น สนุกสนานในทุก ๆ นาทีของการแข่งขัน และสามรถเล่นได้ตลอดปีทุกสภาพอากาศ ทำให้ฟุตบอล 5 คน หรือฟุตซอล (FUTSAL) กลายเป็นกีฬายอดนิยมอย่างรวด เร็ว

         กติกาที่ควรทราบ
       1. ขนาดสนาม (Dimensions)
สนามแข่งขันต้องเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าความยาวด้านข้างต้องยาวกว่าความยาวของเส้นประตู
         ความยาว ต่ำสุด 25 เมตร   สูงสุด 42 เมตร
         ความกว้าง ต่ำสุด 15 เมตร   สูงสุด 25 เมตร
       2. การแข่งขันระหว่างชาติ (International Matches)
ความยาว ต่ำสุด 38 เมตร
สูงสุด 42 เมตร
ความกว้าง ต่ำสุด 18 เมตร
สูงสุด 22 เมตร
      3. การทำเครื่องหมายบนสนาม (Pitch Markings)

 ประกอบด้วย
           1. เขตโทษ (The Penalty Area) เขตโทษถูกทำไว้ตรงส่วนหัวท้ายของสนามแต่ละด้านดังนี้
      ให้วัดจากด้านนอกเสาประตูทั้งสองข้างไปตามประตูข้างละ 6 เมตร เขียนส่วนโค้งซึ่งมีรัศมี 6 เมตรเข้าไปในพื้นที่สนามจนปลายของส่วนโค้ง สัมผัสกับเส้นขนาน ที่ตั้งฉากกับเส้นประตูอยู่ระหว่างเสาทั้งสองข้าง มีความยาว 3.16 เมตรพื้นที่ภายในเขตเส้นเหล่านี้เรียกว่า “เขตโทษ”
          2. จุดโทษ (Penalty Mark) จากจุดกึ่งกลางประตูแต่ละข้าง ให้วัดเป็นแนวตั้งฉากเข้าไปในสนามแข่งขันเป็นระยะทาง 6 เมตร และให้ทำจุด แสดงไว้ จุดนี้เรียกว่า “จุดโทษ”
         3. จุดโทษที่สอง (Second Penalty Mark) จากจุดกึ่งกลางประตูทั้งสองข้างให้วัดเป็นแนวตั้งฉากเข้าไปในสนามแข่งขันเป็นระยะทาง 10 เมตร และให้ทำจุดแสดงไว้ จุดนี้เรียกว่า “จุดโทษที่สอง”
     4. เขตมุม (The Corner Area) จากมุมสนามแต่ละด้านให้เขียน 1 ใน 4 ของส่วนโค้งไว้ด้านในสนามแข่งขัน โดยมีรัศมี 25 เซนติเมตร
     5. เขตเปลี่ยนตัว (Substitution Zone) ตั้งอยู่บนเส้นข้างสนามแข่งขันด้านที่จัดที่นั่งผู้เล่นสำรองไว้ ผู้เล่นจะเปลี่ยนเข้าและออกต้องอยู่ภายในเขต เปลี่ยน มีความยาว 5 เมตร
     6. ประตู (Goals) ประตูตั้งอยู่บนกึ่งกลางของเส้นประตูแต่ละด้าน ประกอบด้วยเสาประตูสองเสา มีระยะห่างกัน 3 เมตร และเชื่อมกันด้วยคานตามแนวนอน ซึ่งส่วนล่างของคานจะอยู่ห่างจากพื้น 2 เมตร
     7. พื้นผิวของสนามแข่งขัน (Surface of the Pitch) พื้นผิวต้องเรียบไม่ขรุขระ พื้นสนามอาจทำด้วยไม้หรือวัสดุสังเคราะห์และต้องหลีกเลี่ยงพื้นผิวสนามที่ทำด้วยคอนกรีตและยางมะตอย
     8. ลูกบอล (The Ball) เป็นทรงกลม ขนาดเส้นรอบวงยาวไม่น้อยกว่า 62 เซนติเมตร และไม่เกินกว่า 64 เซนติเมตร
     9. จำนวนผู้เล่น (Players) ในการแข่งขันจะมีผู้เล่นสองทีม แต่ละทีมต้องมีผู้เล่นในสนามไม่เกิน 5 คน และต้องมีผู้เล่นคนหนึ่งเป็นผู้รักษาประตู อนุญาตให้มีผู้เล่นสำรองไม่เกิน 7 คน ในการเปลี่ยนตัวผู้เล่นในขณะทำการแข่งขันสามารถเปลี่ยนได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบ แต่ผู้เล่นต้องเปลี่ยนตัวในเขตเปลี่ยนตัวเท่านั้นและต้องให้ผู้เล่นในสนามออกจากสนามอย่างสมบูรณ์ก่อนจึงจะเข้าสนามเพื่อทำการแข่งขันได้ ถ้าเปลี่ยนไม่สมบูรณ์ผู้เล่นที่เข้าสนามไปก่อนจะถูกคาดโทษด้วยใบเหลือง ในการแข่งขันเริ่มเล่นต้องมีผู้เล่นอยู่ในสนามข้างละ 5 คน ในขณะทำการแข่งขันถ้าผู้เล่นเหลือน้อยกว่า3 คน การแข่งขันต้องถูกยกเลิก
     10 . ผู้ตัดสิน (The Referee) การแข่งขันแต่ละครั้งจะถูกควบคุมโดยผู้ตัดสิน 2 คน
     11. ระยะเวลาของการแข่งขัน (The Duration of The Match) การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ครึ่งๆ ละ 20 นาทีเท่ากันการพักครึ่งเวลาต้อง ไม่เกิน 15 นาที ทั้งสองทีมมีสิทธิ์ขอเวลานอก เป็นระยะเวลา 1 นาทีได้ในแต่ละครึ่ง
     12. การเตะโทษ (Free Kick) มีอยู่มีประเภท 2 ประเภทคือ โทษโดยตรง(The Direct Free Kick) ถ้าเตะโทษโดยตรงเข้าประตูของฝ่าย ตรงข้ามจะถือเป็นประตู โทษโดยอ้อม (The Indirect Free Kick) จะเป็นประตูก็ต่อเมื่อลูกบอลได้สัมผัสโดยผู้เล่นอื่นๆก่อนเข้าประตู ผู้เล่นจะต้อง เตะโทษให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 4 วินาที โดยฝ่ายตรงข้ามอยู่ห่างอย่างน้อย 5 เมตร
     13. การทำผิดกติการวม (Accumulated Fouls) จะลงโทษโดยตรงโดยจะยิงประตูที่จุดโทษที่สองผู้รักษาประตูอยู่ห่างจากลูกบอลไม่น้อยกว่า 5 เมตร การนับการทำผิดกติการวมจะนับการทำผิดกติการวมกันทั้งทีมเมื่อทำผิดกติกาครบ 5 ครั้งก็จะประตูที่จุดโทษที่สองและจะยิงประตูไปเรื่อยๆเมื่อทีมทำผิดกติกา จนหมดเวลาของการแข่งขันแต่ละครึ่ง
     14. การเตะเข้าเล่น (Kick In) การเตะเข้าเล่นต้องเตะตรงบริเวณที่ลูกออกจากสนาม โดยผู้เล่นนำลูกบอลมาวางไว้บนส้นตรงบริเวณที่ลูกบอลออก ลูกบอลต้องนิ่งต้องส่งด้วยเท้าในเวลา 4 วินาทีผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามต้องอยู่ห่าง 5 เมตร
     15. ผู้รักษาประตูจะต้องเล่นด้วยมือเมื่อลูกออกสนามด้านหลังและต้องเล่นภายใน 4 วินาที



        ที่มา : http://nukfootball-chat.blogspot.com/2009/06/blog-post_9452.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนผู้เข้าชม